• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

ผู้ที่ประสบความสำเร็จ เป็นเจ้าคนนายคนชอบคิดแบบนี้

Started by Cindy700, April 06, 2023, 10:52:10 PM

Previous topic - Next topic

Cindy700

ในขณะที่ยังเป็นนักเรียน คนไม่ใช่น้อยต่างเชื่อเสมอว่าถ้าหากได้ตั้งใจเรียน สอบติดภาควิชาที่ใช่

ยิ่งมีโอกาสได้งานที่ดี เงินเดือนที่ดี แล้วก็ยิ่งเป็นอาชีพที่คนไหนกันแน่ก็รู้จักเป็นต้นว่า ข้าราชการ, วิศวกร


นักธุรกิจยิ่งน่าภาคภูมิใจไปใหญ่ เพราะนอกจากค่าจ้างรายเดือนที่ได้ ส ม น้ำ ส ม เ นื้ อ มีเยอะมากพอที่จะจุนเจือ


ครอบครัวได้ มีสวัสดิการรองรับให้สบายยังเป็นอาชีพที่นับว่า "มีหน้ามีตา" ผู้ใดกันก็ต้อนรับกันหมด

แต่ว่าในโลกของความจริงแล้ว อาชีพที่ "มีหน้ามีตา" ในสังคม มิได้เหมาะกับทุกคนเสมอ

รวมทั้งในแต่ละอาชีพ เขาก็มีการกำหนดอัตรารับสมัครแต่ละปีที่ค่อนข้างจำกัดน่ะสิ !

"แล้วจะเรียนไปเพราะอะไร ถ้าเกิดในที่สุดก็ได้งานที่ไม่ตรงสาย/ งานที่น้อยคนจะรู้จัก/ เงินเดือนที่มิได้เยอะแยะอะไร ?"

ปัญหานี้จะได้คำตอบที่ เ ค รี ย ด มากเลย เพราะเหตุว่ามันเต็มไปด้วยความมุ่งมาดที่มีความรู้สึกว่า

"พวกเรามีทางเลือกอยู่ไม่กี่อย่างในชีวิต" แต่ว่าถ้าเกิดทดลองกลายเป็นความคิด "ฉันทำงานอะไรก็ได้


ไม่ว่าจะตรงสายหรือไม่ก็ตาม" มันบางทีอาจดูประโยคขี้แพ้ในสายตาบางบุคคล


แต่ถ้าหากคิดๆดูแล้ว มันรู้เรื่องพอใจ เยอะกว่าการถามแบบแรกเพราะว่าเรื่องจริงของชีวิตเป็น

1. มนุษย์ทุกคนมีความรู้ความเข้าใจในตนเอง "ไม่เหมือนกัน" กันไปพวกเราไม่จำเป็นต้องเก่งเช่นเดียวกันหมด

2. ในรั้วสถานศึกษา- ม ห า วิ ท ย า ลั ยต่อให้พวกเราได้เรียนกับคุณครูที่เก่งขนาดไหน

ขอบเขตความรู้มันก็เป็นเพียงความรู้ในรั้วเท่านั้นโลกของวัยผู้ใหญ่ที่โตขึ้น เรายังต้องทราบเหตุการณ์อีกมาก

เรียนรู้กันอีก ย า ว ลองถูกลองผิดกันอีกมากมายด้วยเหตุนั้น จะมา ฟั น ธ ง ว่าเรียนมาสายวิทย์

จำเป็นต้องปฏิบัติงานสายวิทย์ เรียนสายภาษาจำต้องดำเนินงานสายภาษา มันก็ผิดเสมอไป

3. มันเป็นเรื่องธรรมดาที่มนุษย์เราจะต้องวิ่งตามหาสิ่งที่ "ใช่"

เบาๆศึกษา ค่อยๆปรับนิสัยไป สิ่งที่เรากำลังสนุกสนานขณะนี้ อาจจะยังไม่ใช่ที่สุด

สิ่งที่พวกเราเก่งขณะนี้ ในวันข้างหน้า มันบางทีอาจเป็นเพียงแต่ความทรงจำ

เพราะว่าอาจมีหลายเหตุให้คิดมากขึ้น ตัวอย่างเช่น จะต้องพับโครงงานศึกษาต่อเอาไว้

เนื่องจากว่าเงินน้อยเกินไปจำเป็นที่จะต้องทำงานหาเงินก่อน และหลังจากนั้นก็ค่อยไปเรียนศิลป์ที่พวกเราชอบ ...

พวกเราต้องมองจังหวะของชีวิตด้วย (ความต้องการของชีวิตแต่ละช่วง


4. สิ่งที่พวกเราเรียนมาเป็นสิบเป็นร้อยกว่าวิชา มันเป็น "การหลอมหลอม" หลายวิชามิได้

สอนพวกเราทางตรง แต่ให้เราค่อยๆดูดซับข้อดีแต่อย่างไปเอง ดังเช่น ฝึกฝนความอดทน, ฝึกหัดความละเอียดลออ,

ฝึกความถนัดการเข้าสังคมในครั้งหนึ่งที่เราไม่เห็นผลดีว่าจะใช้อะไรได้จริง เพียงพอโตขึ้นอีกหน่อย

มันก็ควรจะมีบ้างล่ะที่เราคิดอะไรขึ้นมาจนต้องไปพบ อ่ า น ปัดฝุ่นตำราเรียนอีกครั้ง

ทุกความรู้ที่เราได้รับ ไม่เคยสูญเปล่า เพียงแค่เราไม่เห็นค่ามันเอง ลองนึกดูให้ดีสิ !

5. มนุษย์เราต้องมีโอกาสให้กับชีวิตไว้หลายด้าน หรือ "มีแผนการสำรอง"

เพื่อไม่เป็นการปิ ด กั้ นตัวเองกระทั่งเกินไป ตัวอย่างเช่น ถ้าหากวุฒิที่พวกเราเรียนมามันหางาน ย า ก จะยอมรึเปล่าที่เอาวุฒิต่ำยิ่งกว่านี้หางานไปก่อน?

ถ้าหากเรามิได้อาชีพนี้ เรายอมได้รึเปล่าที่จะทำอาชีพอื่นไปพลางๆก่อน?

ความฝันสิ่งที่ใช่ มันไม่ควรเป็นสิ่งที่ได้ดังดวงใจในทันทีมันคือเรื่องปกติมากมายๆที่จะต้องแลกเปลี่ยนกับความเมื่อยล้า

ความ พ ย า ย า ม หลายเท่าตัว ก็เลยไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหากจะพบว่าเพราะอะไร ห ม อ

บางบุคคลถึงเขียนเพลงได้?

เพราะอะไรบางคนเรียนวิชาชีพแม้กระนั้นมาเป็นนักแสดง?

เพราะอะไรบางบุคคลเรียนไม่จบแต่ว่าบรรลุผลสำเร็จ?

ถ้ายังไม่เข้าในข้อนี้ ลองย้อนกลับไป อ่ า น ข้อ 4 อีกรอบขึ้นชื่อว่า "ความรู้" เราได้รับมา

ถึงจะไม่ใช้ในทันทีทันใดก็ไม่สมควรเสียดาย ขึ้นชื่อว่า "ความฝัน" ถึงจะยังไม่ใช่ในวันนี้

ใช่ว่าวันหน้าจะไม่มีทางเป็นไปได้ มันอยู่ที่ตัวเราล้วนๆว่า... "รู้ตัวดีไหมว่าทำอะไรอยู่?" และก็

"พร้อมจะยืดหยุ่นกับทุกสถานการณ์ชีวิตรึเปล่า?"

อย่ าลืมว่า...โลกพวกเรากลม และมีหลายมิติ ใช่ว่าจำเป็นที่จะต้องมองดูเพียงแต่ด้านเดียว
ทำงานไม่ตรงสาย
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13507/